MINT ปี66 เติบโตทะลุเป้า กางแผน 3 ปี 67-69 โตปีละ 8 - 10%

MINT ปี66 เติบโตทะลุเป้า กางแผน 3 ปี 67-69 โตปีละ 8 - 10% งบลงทุนรวม 3 หมื่นล้านพร้อมลุยตีตลาดต่างประเทศ

.

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น MINT เผยแผนดำเนินงานและเป้าหมายใน 3 ปี (2567 - 2569) โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 8 - 10% และเงินลงทุนในแผน 3 ปี ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในส่วนของงบลงทุนในปี 2567 ตั้งไว้ที่ประมาณ 1 - 1.3 หมื่นล้านบาท โดยจะเน้นไปในการรีแบรนดิ้งเพื่อเพิ่มมูลค่าเพื่อขึ้นราคาต่อห้องสูงขึ้น โดยสัดส่วนการลงทุนจะไปทางด้านโรงแรม 70% และทางด้านร้านอาหาร 30%


ทางด้านสัดส่วนรายได้ทางด้านโรงแรม 90% มาจากต่างประเทศ อีก 10% มาจากประเทศไทย 

ในส่วนของร้านอาหาร 60% มาจาก ประเทศไทย อีก 40% มาจากต่างประเทศ 

ดังนั้นสัดส่วนรายได้ในภาพรวม 74% มาจากประเทศไทย 


ทั้งนี้ภาพรวมของแผนดำเนินงานนั้นมีทั้งหมด 3 แผนการดำเนินงานในปี 2567 มีดังนี้


(1.)การขยายกลุ่มธุรกิจโดยเพิ่มโรงแรมใหม่ 200 – 500 แห่ง และร้านอาหาร 1,000 สาขา โดยมียอดรวมจำนวนโรงแรมอยู่ที่ 780 แห่ง และ ร้านอาหารอยู่ที่ 3,700 สาขา 


(2.)ตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจาก 1.0 เท่า ณ สิ้นปี 2566 เป็น 0.8 เท่าภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวในสภาวะดอกเบี้ยสูงจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของกำไรให้กับบริษัท สถานะการเงินของ MINT ที่แข็งแกร่งขึ้น


(3.)มุ่งเน้นในการเติบโตด้วยการผสมผสานกับการเติบโตด้วยรูปแบบ Asset light อย่างการรับจ้างบริหารโรงแรม รวทไปถึงการขยายกิจการผ่านการขายเฟรนไชส์และมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ


ผลประกอบการในปี 2566 รายงานผลกำไรสุทธิเติบโต 3 เท่า ที่ 7.1 พันล้านบาท นับเป็นผลกำไรที่สูงสุดของบริษัทฯ สำหรับไตรมาส 4 ปี 2566 MINT สรุปผลการดำเนินงานประจำปีด้วยผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นจำนวน 2.5 พันล้านบาท เป็นการเติบโตที่สูงที่ร้อยละ 77 


ส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ ได้มีการเพิ่มโรงแรมรับจ้างบริหาร 3 แห่งในกรุงปารีสภายใต้เอ็น เอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่น การเปิดตัวโรงแรมหรูภายใต้อนันตราในกรุงเวียนนา และการเปิดตัวของ

เอ็นเอช คอลเลคชั่นในเฮลซิงกิ นอกจากนี้แผนการขยายโรงแรมที่แข็งแกร่งของ MINT ยังรวมการเปิดตัวของอนันตราและอวานีในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ควบคู่ไปกับการเปิดโรงแรมใหม่ในตลาดตะวันออกกลางที่ MINT มีการเติบโตอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีแผนการเปิดตัวโรงแรมรับจ้างบริหารในประเทศจีนหลายแห่งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ในส่วนของ ไมเนอร์ ฟู้ดยังเสริมความแข็งแกร่งในอาเซียนด้วยการเปิดร้านอาหารแฟรนไชส์ในเวียดนามและสิงคโปร์ภายใต้ ซิซซ์เลอร์, เดอะคอฟฟี่ คลับ และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยิ่งไปกว่านั้น MINT ได้เข้าซื้อกิจการแดรี่ ควีนเพื่อดำเนินงานในอินโดนีเซีย และเปิดตัว เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และกาก้า ทั้งนี้แผนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดภายในกลุ่มอาเซียน


#MINT #MINOR  #ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล